วันพุธที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2557

บริษัทผลิตอาวุธสงคราม

บริษัทผลิตอาวุธสงคราม

บีเออี ซิสเต็มส์




บีเออี ซิสเต็มส์ พีแอลซี (อังกฤษ: BAE Systems plc) เป็นบริษัทผลิตยุทโธปกรณ์ และอากาศยานสัญชาติอังกฤษ มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองฟาร์นโบโร แฮมป์เชอร์ ประเทศอังกฤษ เป็นบริษัทผู้ผลิตอาวุธรายใหญ่อันดับสองของโลก รองจากโบอิง และอันดับหนึ่งของยุโรป

บีเออี ซิสเต็มส์ ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1999 จากการควบรวมกิจการของสายการผลิตอุปกรณ์อีเล็คทรอนิคส์ทางทหาร และอู่ต่อเรือ ของมาร์โคนี อีเล็คทรอนิคส์ ซิสเต็มส์ (MES) กับสายการผลิตอากาศยาน กระสุนปืนใหญ่ และเรือรบของบริทิช แอโรสเปซ (BAe) มีสายการผลิตทั้งเครื่องบินขับไล่ เครื่องบินพาณิชย์ เรือรบ เรือบรรทุกเครื่องบิน และเรือดำน้ำ ทั้งยังร่วมทุนกับอีเอดีเอส ถือหุ้นในแอร์บัสอยู่ 20%
ล็อกฮีด มาร์ติน 



ล็อกฮีด มาร์ติน (อังกฤษLockheed Martin) เป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องบินระหว่างประเทศและเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2538 โดยการรวมล็อกฮีดเข้ากับมาร์ติน มาเรียทต้าที่ทำการของบริษัทตั้งอยู่ที่เมืองเบเธสด้ารัฐแมร์รี่แลนด์ในสหรัฐอเมริกา ล็อกฮีด มาร์ตินมีลูกจ้างประมาณ 140,000 คนทั่วโลก ปัจจุบันมีประธาน ผู้จัดการ และหัวหน้าฝ่ายบริหารคือโรเบิร์ต เจ สตีเว่นส์
ล็อกฮีด มาร์ตินเป็นผู้ทำสัญญาด้านการป้องกันที่ใหญ่ที่สุดของโลกหากวัดตามรายได้ ในปีพ.ศ. 2548 รายได้ 95% ของล็อกฮีด มาร์ตินมาจากกระทรวงกลาโหมและรัฐบาลกลางสหรัฐอเมริกา และยังมีลูกค้าเป็นกองทัพของชาติอื่นๆ อีก

ทีมของล็อกฮีด มาร์ตินได้ชนะรางวัลในการสร้างและพัฒนาเครื่องบินไอพ่นเอฟ-22 แร็พเตอร์


โบอิง 



โบอิง (อังกฤษThe Boeing Company) เป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องยนต์อากาศยานและยุทโธปกรณ์ มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ สหรัฐอเมริกา โบอิงนับเป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องบินที่มีรายได้มากที่สุดในโลก และเป็นผู้ผลิตยุทโธปกรณ์อันดับสองของโลก

ในปี พ.ศ. 2549 โบอิงเป็นผู้ผลิตอาวุธปืนและเครื่องบินที่มีจำนวนสั่งซื้อมากที่สุดในโลก [3] มีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 55 สำหรับยอดสั่งซื้อ และร้อยละ 54 สำหรับยอดส่งมอบ กุมชัยชนะเหนือแอร์บัสเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543 เป็นต้นมา นอกจากนี้ยังเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา

นอร์ทธรอป กรัมแมน คอร์ปอเรชัน 

นอร์ทธรอป กรัมแมน คอร์ปอเรชัน เป็นบริษัทสัญชาติสหรัฐอเมริกา ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับอากาศยานทางการทหาร การต่อเรือรบ และเทคโนโลยีทางการทหาร ก่อตั้งขึ้นในปี 1994 จากการควบรวมกิจการของบริษัท นอร์ทธรอปและบริษัทกรัมแมน เข้าด้วยกัน
ในปี 2010 นอร์ทธรอป กรัมแมน เป็นบริษัทที่มีสัญญาการจัดซื้ออาวุธอยู่ในอันดับที่ 4 ของโลก มีพนักงานทั่วโลกกว่า 120,000 คน มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเขตเซนจูรีซิตี้ เมืองลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ในปี 2010 ได้รับการจัดอันดับอยู่ในอันดับที่ 61 ในประเภทบริษัทอุตสาหกรรมในสหรัฐอเมริกาจากนิตยสารฟอร์จูน
                                              เอฟ-16 ไฟทิงฟอลคอน 
                                                                     
     
                                      
เอฟ-16 ไฟทิงฟอลคอน (อังกฤษ: F-16 Fighting Falcon) เป็นเครื่องบินขับไล่หลากบทบาทที่เดิมที่พัฒนาขึ้นโดยบริษัทGeneral Dynamicsเพื่อกองทัพอากาศสหรัฐมันถูกออกแบบให้เป็นเครื่องบินขับไล่ตอนกลางวันน้ำหนักเบา มันได้กลายมาเป็นเครื่องบินขับไล่ที่ประสบความสำเร็จ ความสามารถรอบตัวของมันเป็นเหตุผลหนักที่มันทำการตลาดได้เยี่ยมโดยมันถูกเลือกโดยกองทัพอากาศของ 25 ประเทศ[2] เอฟ-16 เป็นโครงการเครื่องบินขับไล่พลังไอพ่นที่ใหญ่ที่สุดของฝั่งตะวันตกพร้อมด้วยการผลิตกว่า 4,400 ลำตั้งแต่ปีพ.ศ. 2519[2] ถึงแม้ว่ามันจะไม่ถูกซื้อโดยกองทัพอากาศสหรัฐอีกต่อไป รุ่นที่ก้าวหน้าก็ยังคงทำตลาดในหมู่ต่างประเทศได้ ในปีพ.ศ. 2536 เจเนรัล ไดนามิกส์ขายธุรกิจการผลิตเครื่องบินให้กับบริษัทล็อกฮีด[3] ซึ่งได้กลายมาเป็นล็อกฮีด มาร์ตินหลังจากทำการรวมเข้ากับมาร์ติน มาเรียทต้าในปีพ.ศ. 2538[4]
เอฟ-16 เป็นนักสู้กลางอากาศที่มีวัตกรรมมากมายรวมทั้งฝาครอบห้องนักบินที่โค้งมน คันบังคับแบบแท่งที่ทำให้งานต่อการควบคุมภายใต้แรงจี และที่นั่งที่เอนไปด้านหลังเพื่อลดแรงจีที่กระทำต่อนักบิน อาวุธมีทั้งปืนใหญ่เอ็ม61 วัลแคนและขีปนาวุธมากมาย 11 ตำบล มันยังเป็นเครื่องบินขับไล่แบบแรกที่ถูกสร้างมาเพื่อทำการเลี้ยวแบบ 9 จีได้ มันมีอัตราการผลักต่อน้ำหนักที่ดีมาก ส่งผลให้มันมีพลังในการไต่ระดับและการเร่งที่ยอดเยี่ยมหากจำเป็น[1] แม้ว่าชื่อทางการของมันคือ"ไฟทิงฟอลคอน" แต่นักบินก็เรียกมันว่าไวเปอร์ (Viper) เนื่องมาจากมันคล้ายกับงูเห่าและตั้งชื่อตามยานขับไล่ในซีรีส์สแบทเทิลสตาร์ กาแลคติก้า[5][6]
เอฟ-16 มีกำหนดการที่จะปลดออกจากประจำการในกองทัพอากาศสหรัฐในปีพ.ศ. 2568[7] มีการวางแผนที่จะแทนที่เอฟ-16 ด้วยเอฟ-35 ไลท์นิ่ง 2 ซึ่งจะเข้าประจำการในปีพ.ศ. 2554 และจะเริ่มเข้าแทนที่เครื่องบินหลากบทบาทจำนวนมากในกองทัพของชาติที่เข้าร่วมโครงการ

                                                         เรย์เธียน 

เรย์เธียน (NYSE: RTN) เป็นบริษัทสัญชาติสหรัฐอเมริกา ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับอุตสาหกรรมการผลิตอาวุธทางการทหาร และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ปัจจุบันเรย์เธียนเป็นผู้ผลิตขีปนาวุธนำวิถีที่ใหญ่ที่สุดในโลก[2]
เรย์เธียนก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1922 ที่เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกาปัจจุบันที่พนักงานทั่วโลกกว่า 72,000 คน รายได้กว่า 90 % มาจากสินค้าทางทหาร ในปี ค.ศ. 2007 เรย์เธียนเป็นบริษัทจัดจำหน่ายอาวุธอันดับที่ 3 ของโลก[3]


                                                  อีเอดีเอส
                                                          



อีเอดีเอส (อังกฤษEuropean Aeronautic Defence and Space Company N.V. - EADS ) เป็นบริษัทสัญชาติยุโรปขนาดใหญ่ ก่อตั้งเมื่อปีค.ศ. 2000 จากการควบรวมกิจการของ เดมเลอร์ไครสเลอร์แอโรสเปซ เอจี (DaimlerChrysler Aerospace AG - DASA) จากเยอรมนี กับ แอโรสปาติอาล-มาทรา (Aérospatiale-Matra ) จากฝรั่งเศส และ กอนสตรุกเซียวเนสอาเอโรเนาตีกัส เอเซอา (Construcciones Aeronáuticas SA - CASA) จากสเปน ทำการพัฒนาและจำหน่ายอากาศยานทางการทหาร เครื่องบินพาณิชย์ ระบบสื่อสาร ขีปนาวุธ จรวด และดาวเทียม มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่นิคมอุตสาหกรรม Schiphol-Rijk ใกล้ท่าอากาศยานอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์
การก่อตั้งอีเอดีเอส เกิดจากแรงกดดันเนื่องจากการรวมตัวของบริษัทผู้ผลิตอากาศยานทางการทหารของสหรัฐ ล็อกฮีด และมาร์ตินมาริเอตตา เป็นล็อกฮีดมาร์ตินในปี 1995 ตามด้วยการควบรวมกิจการของโบอิง กับแมคดอนเนลล์ดักลาส ในปี 1997
บริษัทย่อยของอีเอดีเอส บางส่วนได้แก่
·         แอร์บัส เป็นการร่วมทุนระหว่างอีเอดีเอส (80%) กับ บีเออี (20%)
·         เอทีอาร์ ผู้ผลิตเครื่องบิน เอทีอาร์ 42 และเอทีอาร์ 72
·         ดัซโซลท์เอวิเอชัน ผู้ผลิตเครื่องบินรบ ดัซโซลท์ ราฟาเอล
·         ยูโรไฟเตอร์ ผู้ผลิตเครื่องบินรบ ยูโรไฟต์เตอร์ ไทฟูน
·         แอเรียนสเปซ ผู้ผลิตจรวดขนส่งให้กับ องค์การอวกาศยุโรป
·         อีเอดีเอส แอสเทรียม ผู้ผลิตยานอวกาศ




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น